เคล็ดลับนำสุนัขขึ้นเครื่องบิน พาน้องไปเที่ยวอย่างไร ให้ไม่มีเหงา


อีกสิ่งหนึ่งที่เราคนรักสุนัขต่างสงสัยกันมาอย่างยาวนาน คือการพาสุนัขแสนรักของเราไปเที่ยว ซึ่งในบางครั้งทาริปที่แพลนไว้อาจจะอยู่ไกลจนต้องเดินทางโดยขึ้นเครื่องบิน และหลาย ๆ คนยังไม่ทราบวิธีพาสุนัขขึ้นเครื่องบิน

แน่นอนว่าวันนี้เรามีเคล็ดลับการพาน้องหมาขึ้นเครื่องบินมาฝาก รับรองว่าเราบอกครบทุกขั้นตอน ง่าย ๆ สามารถทำได้แน่นอน

การเดินทางโดยเครื่องบินของน้องหมานั้นมี 2 วิธี

1. การขึ้นเครื่องแบบ PETC (Pet In Cabin)

การเดินทางโดยวิธีนี้ น้องหมาของเราจะสามารถขึ้นไปนั่งบนเครื่องได้ โดยนั่งที่ห้องโดยสารกับเราไปได้เลย แต่เจ้าของสุนัขจำเป็นต้องมีเอกสารและใบรับรองสุขภาพจาก The Animal Quarantine Office เสียก่อน

และสัตว์เลี้ยงที่จะนำขึ้นเครื่องไปกับเราได้นั้น ต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 10 กิโลกรัม และต้องทำการติดต่อกับสายการบินก่อน 48 ชั่วโมง เพราะมีการจำกัดที่นั่งสำหรับสัตว์เลี้ยงด้วยนั่นเอง

2. การขึ้นเครื่องแบบ Check Baggage (AVIH)

เป็นการขึ้นเครื่องสำหรับน้องหมาที่มีน้ำหนักมากกว่า 10 กิโลกรัม โดยต้องพ่น้องหมาไปเช็คอินที่ Passenger Terminals จากนั้นเจ้าหน้าที่จะพาสุนัขของเราไปโหลดไว้ที่ห้องเก็บสัมภาระพิเศษใต้เครื่อง ที่มีระบบปรับความดันอากาศที่เหมาะสม อีกทั้งยังมีระบบรักษาความปลอดภัย เจ้าของจึงสามารถสบายใจได้ หายห่วง

การขอเอกสารขออนุญาตนำสุนัขไปต่างประเทศ

การนำสุนัขออกนอกประเทศนั้น เจ้าของจำเป็นต้องมีเอกสารบางอย่างเพื่อทำหนังสือขออนุญาตให้น้องหมาเดินทางออกนแกประเทศได้ โดยเอกสารที่จำเป็นต้องใช้ มีดังต่อไปนี้

  • สำเนาหนังสือเดินทางของเจ้าของสุนัข
  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ดำเนินการส่งสุนัขออกนอกประเทศ
  • สำเนาเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า

การพาสุนัขขึ้นเครื่องบิน

หลังจากที่เราทราบแล้วว่าเราต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง เรามาดูกันดีกว่า ว่าขั้นตอนการพาสุนัขขึ้นเครื่องบิน ต้องทำอย่างไรบ้าง

  • ศึกษาเงื่อนไขการนำสุนัขออกนอกประเทศกับประเทศปลายทาง
  • ขอคำแนะนำจากสัตวแพทย์ด่านกักสัตว์ เพื่อดำเนินการตรวจสอบโรค ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ และอื่น ๆ ตามที่ประเทศปลายทางกำหนด
  • ยื่นคำร้องขอส่งสัตว์ออกนอกประเทศ (แบบ ร.1/1) ไม่น้อยกว่า 15 วัน ก่อนนำสุนัขออกนอกประเทศ โดยสามารถดาว์นโหลดเอกสารนี้ได้ ที่นี่
  • เจ้าของควรพาสุนัขไปตรวจสุขภาพก่อนออกเดินทางไม่เกิน 2-3 วัน โดยต้องมีทั้งหลักฐานการฉีดวัคซีน การทดสอบโรค มาแสดงประกอบขณะยื่นคำร้องด้วย
  • ด่านกักกันสัตว์ หรือเจ้าหน้าที่สัตวแพทย์ จะออกใบอนุญาตส่งสัตว์ออกนอกประเทศ (แบบ ร.9) พร้อมเอกสารรับรองสุขภาพของสุนัขให้ เพื่อให้เจ้าของสุนัขนำไปยื่นที่ศุลกากร
  • เขียนชื่อและที่อยู่ของผู้ส่งออกสุนัข และผู้รับปลายทาง โดยเขียนเป็นภาษาอังกฤษให้ถูกต้องตรงกับเอกสารต่าง ๆ
  • นำแบบ ร.9 ไปยื่นที่ศุลกากร และหนังสือรับรองสุขภาพฉบับภาษาอังกฤษไปยื่นต่อสัตวแพทย์ด่านกักสัตว์ของประเทศปลายทาง
  • เสียค่าธรรมเนียมใบอนุญาตนำสัตว์ออกฯ ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ออกตามความในพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2499

สายการบินในประเทศไทย ที่อนุญาตให้นำสุนัขขึ้นเครื่องได้

  • การบินไทย โทร.1566 หรือ 0-2628-2000
  • บางกอกแอร์เวย์ โทร.1771
  • นกแอร์ โทร.1318

ในการนำสุนัขหรือสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ ขึ้นเคื่องบิน เจ้าของจำเป็นต้องติดต่อกับสายการบินเพื่อขอคำแนะนำและศึกษาข้อกำหนดต่าง ๆ ในการนำสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องด้วยนะคะ

4 ขั้นตอน การเตรียมตัวก่อนพาน้องหมาขึ้นเครื่องบิน

แน่นอนว่าเมื่อเอกสารครบถ้วนสมบูรณ์แบบแล้ว เราก็ต้องมาเตรียมตัวในส่วนของเราด้วยเช่นเดียวกัน มาดูกันดีกว่า ว่า 4 ขั้นตอนที่ว่านั้น จะมีอะไรบ้าง รับรองว่าไม่ยากเกินความสามารถอย่างแน่นอน

ขั้นตอนที่ 1 นำน้องหมาไปตรวจสุขภาพอย่างละเอียด

อย่างที่ได้ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเราต้องมีเอกสารยืนยันการฉีดวัคซีน และเอกสารยืนยันสุขภาพของสุนัข แน่นอนว่าเอกสารเหล่านี้จะต้องได้จากการนำสุนัขไปตรวจสุขภาพโดยละเอียด แต่นอกจากประโยชน์ทางด้านเอกสารต่าง ๆ แล้วนั้น การนำสุนัขไปตรวจสุขภาพ ถือเป็นการเตรียมความพร้อมที่ดีก่อนเดินทางอีกด้วย

ขั้นตอนที่ 2 ปรึกษาแพทย์เรื่องข้อควรปฏิบัติต่าง ๆ

สุนัขบางสายพันธุ์นั้นมีความจำเป็นที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ โดยสุนัขสายพันธุ์ที่ใบหน้าสั้น ที่อาจจะทนต่อสภาพแวดล้อมภายในเครื่องบินได้อย่างลำบาก ดังนั้น การปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนจะเป็นการเรียนรู้วธีรับมือกับปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง

ขั้นตอนที่ 3 จองพื้นที่สำหรับน้องหมา

หลังจากที่จองพื้นที่ของตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต้องแจ้งให้พนักงานสายการบินทราบด้วยว่าเราจะนำน้องหมาสุดที่รักของเราเดินทางไปด้วย โดยจำเป็นต้องระบุอายุ น้ำหนัก และวิธีการเดินทาง ซึ่งในส่วนนี้จำเป็นต้องศึกษากฎระเบียบและข้อบังคับของแต่ละสายการกินด้วย ดังนั้น การติดต่อโดยตรงกับทางสายการบิน จะทำให้ได้คำตอบที่ชัดเจนที่สุด

ขั้นตอนที่ 4 เลือกกรงใส่น้องหมาที่ดี

สำหรับกล่องหรือกรงที่จะใส่น้องหมาในขณะเดินทางนั้น ควรเป็นกรงที่มีคุณภาพดี และไม่ทำให้สุนัขรู้สึกอึดอัด อีกทั้งยังเป็นกรงที่ได้รับมาตรฐานการรับรองจากสมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ที่ระบุไว้ในระเบียบการขนส่งสัตว์มีชีวิต โดยกรงหรือกล่องใส่สุนัขนั้น ควรมีคุณสมบัติดังนี้

  • กว้างพอให้สุนัขยืน นอน หรือพลิกตัวได้โดยไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด
  • มีความแข็งแรง ป้องกันสัตว์เลี้ยงระหว่างเครื่องขึ้นและลงจอดได้อย่างปลอดภัย
  • มีรูระบายอากาศ ไม่มีคม และควรมีที่จับที่แข็งแรง
  • ประตูกรงแน่นหนา ป้องกันการเปิดออกโดยบังเอิญ และควรปูพื้นกรงด้วยวัสดุที่ดูดซับน้ำได้ดี
  • ทำเครื่องหมายที่กรงชัดเจน ติดชื่อ ที่อยู่ และเบอร์ติดต่อของเจ้าของ
  • แปะคำว่า LIVE ANIMALS กับลูกศรชี้ขึ้นให้กรงอยู่ในทิศทางที่ถูกต้อง
  • แปะข้อมูลคำแนะนำในการให้อาหารและน้ำแก่น้องหมา
  • แปะสำเนาเอกสารต่าง ๆ ของสุนัขไว้ที่กรงด้วย

สำหรับใครที่กำลังมองหากรงใส่สุนัขขึ้นเครื่อง วันนี้เราก็มีไอเทมดี ๆ มาฝาก มาดูกันเลย

กรงขึ้นเครื่องบินสำหรับสัตว์เลี้ยง

ขนาด 50x50x65 cm.

หากใครมีน้องหมาพันธุ์เล็กจิ๋ว เราขอแนะนำกรงนี้ วัสดุทำจากไฟเบอร์ มีความแข็งแรง ทนทาน แต่มีน้ำหนักเบา สามารถถอดประกอบได้ ประตูสปริงเหล็กทนต่อแรงกระแทก อีกทั้งยังมีแผ่นยกระดับพื้นแถมมาให้ ตัวกรงไม่ทำให้น้องหมาอึดอัด สามารถพลิกตัวหรือยืนได้อย่างสะดวกสบาย

Marchioro Cayman กรงหิ้ว กรงเดินทางขึ้นเครื่องบิน

ขนาด 93x65x68 cm.

หากสุนัขมีขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อย เราแนะนำกรงรุ่นนี้ เป็นกรงที่ผ่านมาตรฐานการรับรอง IATA สามารถโหลดขึ้นเครื่องบินเดินทางได้ทั่วโลก ผลิตจากวัสดุพลาสติกคุณภาพสูง จึงมอบความแข็งแรง ทนทาน แต่ยังคงน้ำหนักเบา สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกสบาย

Ploy

พลอยมีความสนใจเกี่ยวกับสุนัข และชื่นชอบการแบ่งปันประสบการณ์และสิ่งต่าง ๆ ที่พลอยรู้เกี่ยวกับการดูแลสุนัข

Recent Posts